ทดลองติดตั้ง Windows 7 Professional (RTM)
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
ผมมีโอกาสทดลองติดตั้ง Windows 7 Professional (RTM) จึงนำภาพหน้าจอการขั้นตอนการติดตั้งมาฝากครับ ซึ่งขั้นตอนการติดตั้งจะคล้ายๆ กันกับการติดตั้ง Windows 7 Build 7600 หรือ Windows 7 RC (Build 7100) แต่จะเพิ่มขั้นตอนการเลือกรุ่น (Edition) ที่ต้องการติดตั้งขึ้นมาหนึ่งขั้นตอน
การทดลองในครั้งนี้ จะติดตั้งเวอร์ชัน Windows 7 Professional 32-bit บนเครื่องเวอร์ชวลคอมพิวเตอร์ที่รันบน SUN VirtualBox 3.0.2 โดยผมคอนฟิกเวอร์ชวลแมชชีนให้ใช้ RAM 1GB เวอร์ชวลฮาร์ดดิสก์ขนาด 32 GB

System Requirements สำหรับ Windows 7 Professional (RTM)
Windows 7 Professional (RTM) มีความต้องการระบบขั้นต่ำดังนี้
• CPU: ความเร็ว 1 GHz 32-bit (x86) หรือ 64-bit (x64) ซีพียู
• Memory: หน่วยความจำอย่างน้อย 1 GB สำหรับเวอร์ชัน 32-bit และ 2 GB สำหรับเวอร์ชัน 64-bit
• Disk space: พื้นที่ฮาร์ดดิสก์อย่างต่ำ 16 GB สำหรับเวอร์ชัน 32-bit และ 20 GB สำหรับเวอร์ชัน 64-bit
• Graphics: รองรับ DirectX 9 และ Windows Display Driver Model 1.0 หรือสูงกว่า สำหรับการใช้งาน Aero theme
• Other: DVD-R/W Drive, Internet access (สำหรับดาวน์โหลด Windows 7 และ Update)

ขั้นตอนการติดตั้ง Windows 7 Professional (RTM)
การติดตั้ง Windows 7 Professional (RTM) มีขั้นตอนดังนี้
1. เมื่อทำการบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยแผ่นดีวีดี Windows Setup จะได้หน้าจอ Windows is loading files และ Starting Windows ดังรูปที่ 1 ให้รอจนระบบทำงานแล้วเสร็จ


รูปที่ 1 Starting Windows

2. ในหน้าต่าง Install Windows ให้เลือกภาษาที่ต้องการ และตั้งค่าอื่นๆ ตามความต้องการ เสร็จแล้วคลิก Next เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไปในที่นี้เลือก:Language to install: EnglishTime and currency format: English (United States)Keyboard or input method: US

รูปที่ 2 Install Windows

3. ในหน้าต่างถัดไปให้คลิก Install Now เพื่อทำเริ่มการติดตั้ง Windows 7

รูปที่ 3 Install Now

4. ในหน้า Select the operating system you want to install ให้เลือก Windows 7 Professional เสร็จแล้วคลิก Next

รูปที่ 4 Windows 7 Professional

5. ในหน้าต่าง Please read the license terms ให้อ่าน License Terms เสร็จแล้ว ให้คลิกเช็คบ็อกซ์ I accept the license terms จากนั้นคลิก Next เพื่อไปยังหน้าถัดไป

รูปที่ 5 EULA

6. ในหน้าต่าง Which type of installation do you want? ให้เลือกเป็น Custom (Advanced)



รูปที่ 6 Custom (Advanced) installation

7. ในหน้าต่าง Where do you want to install Windows? ให้เลือก Hard Disk/Partition ที่ต้องการติดตั้ง เสร็จแล้วคลิก Next



รูปที่ 7 Select Hard Disk/Partition

หมายเหตุ: ในกรณีที่ใน Hard Disk/Partition ที่เลือกมีการติดตั้งวินโดวส์เวอร์ชันอื่นอยู่ ระบบจะแสดงข้อความแจ้งเตือน ให้คลิก OK เพื่อยืนยันการติดตั้ง Windows 7
8. ระบบจะเริ่มทำการติดตั้ง Windows โดยจะดำเนินการต่างๆ ดังนี้ คือ Copying Windows files, Expanding Windows files, Installing features และ Installing updates หลังจากทำการติดตั้งขั้นตอน Installing updates แล้วเสร็จ จะทำการรีสตาร์ทระบบ 1 ครั้ง หลังจากรีสตาร์ทเสร็จจะทำขั้นตอน Completing Installation ต่อ หลังจากทำขั้นตอน Completing Installation แล้วเสร็จ จะทำการรีสตาร์ทระบบอีก 1 ครั้ง

รูปที่ 8 Installing Windows

9. ในหน้าต่าง Set Up Windows ระบบจะให้เลือก User name และตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้พิมพ์ User name ที่ต้องการในกล่องใต้ Type a user name: จากนั้นใส่ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการในกล่องใต้ Type a computer name: เสร็จแล้วคลิก Next



รูปที่ 9 Set Up Windows

10. ในหน้าต่าง Set a password for your account ระบบจะให้กำหนดรหัสผ่านสำหรับ User name ที่สร้างในขั้นตอนที่ 8 ใส่รหัสผ่านที่ต้องการ 2 ครั้ง ในกล่องใต้ Type a password (recommended): และ Retype your password: จากนั้นพิมพ์ข้อมูลช่วยจำรหัสผ่านในช่อง Type a password hint: เสร็จแล้วคลิก Next


รูปที่ 10 Set a password for your account


หมายเหตุ:ในขั้นตอนที่ 10 นี้ ไม่จำเป็นต้องกำหนดรหัสผ่านก็ได้ แต่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ ผมขอแนะนำให้กำหนดรหัสผ่าน และในกรณีที่กำหนดรหัสผ่านจะต้องกำหนดข้อมูลช่วยจำรหัสผ่านด้วย ระบบจึงจะยอมให้ดำเนินการในขั้นตอนถัดไป
11. ในหน้าต่าง Type your Windows product key ให้ใส่หมายเลขโปรดักส์คีย์ (ขั้นตอนนี้เป็นอ็อปชันไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้) เสร็จแล้วคลิก Next
หมายเหตุ: หมายเลขโปรดักส์คีย์นั้น ไมโครซอฟท์จะให้มาพร้อมกับการดาวน์โหลดสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Technet และ MSDN สำหรับลูกค้าทั่วไปนั้นจะมาพร้อมกับแพ็กเกจที่ซื้อ



รูปที่ 11 Type your Windows product key
Tip: ผมแนะนำให้เคลียร์เช็คบ็อกซ์ Automatically activate Windows when I'm online แล้วค่อยทำการแอคติเวตแบบแมนนวลภายหลัง
12. ในหน้าต่าง Help protect your computer and improve Windows automatically ให้เลือก Use recommended settings หรือ Install inportant updates only หรือ Ask me later ในที่นี้เลือกหัวข้อหลัง


รูปที่ 12 Help protect your computer and improve Windows automatically

13. ในหน้าต่าง Review your time and date settings ให้ทำการตั้ง Time Zone ให้ตรงพื้นที่ใช้งาน และตั้ง Date และ Time ให้ตรงกับวัน-เวลาจริง เสร็จแล้วคลิก Next


รูปที่ 13 Review your time and date setting
หมายเหตุ: Time Zone ของประเทศไทยเป็น UTC+07.00 หรือ GMT+07:00 ในวินโดวส์เวอร์ชันก่อนหน้า
14. ในหน้าต่าง Select your computer's current location ให้เลือกเป็น Home network หรือ Work network หรือ Public network

รูปที่ 14 Select your computer's current location

หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้จะมีเฉพาะในกรณีมีการเชื่อมต่อกับระบบเน็ตเวิร์ก
15. วินโดวส์จะทำการจัดเตรียมระบบตามการตั้งค่าต่างๆ ที่กำหนดในขั้นตอนด้านบน เมื่อเสร็จแล้วก็จะได้หน้า Desktop ดังรูปด้านล่าง


รูปที่ 15 Windows 7 Professional (RTM) Desktop

• หมายเลขเวอร์ชันของ Windows 7 Professional (RTM)หลังจากทำการติดตั้ง Windows 7 Professional (RTM) เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถดูหมายเลขเวอร์ชันได้โดยการรันคำสั่ง winver (คลิก Start พิมพ์ winver ในช่อง Search programs and files เสร็จแล้วกด Enter) เมื่อดูเวอร์ชันของ Windows 7 Professional (RTM) หมายเลขเวอร์ชันคือ 6.1 (Professional (RTM)) และจุดที่แตกต่างอีกหนึ่งอย่างคือ Professional (RTM) จะไม่มีวันหมดอายุ ในขณะที่ RC จะหมดอายุในวันที่ 2 มีนาคม 2553
หมายเหตุ: ถ้าหากรันคำสั่ง ver ที่คอมมานด์พร็อมท์หมายเลขเวอร์ชันคือ 6.1.7600




รูปที่ 16 Windows 7 Professional (RTM) Version Number



รูปที่ 17 System Information

• Windows 7 Professional (RTM) Log on Screenเมื่อทำการสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 Professional (RTM) จะได้หน้า Log on Screen ดังรูปด้านล่าง


รูปที่ 18 Windows 7 Logon Screen

วัสดุ/อุปกรณ์
1.รองเท้ากังฟู หรือ รองเท้าแวน
2.สี
3.พู่กัน เบอร์ 0-10
4.จานสี
5.ดินสอ
สีที่ใช้เพ้นต์รองเท้า
ใช้สีชนิดเดียวกับ "สีสกรีนเสื้อ" ในการเพ้นต์ เพราะเป็นสีที่มีราคาไม่แพง และมีความทน ไม่ซีดง่าย ๆ แต่ก็มีข้อเสียที่แห้งเร็ว จึงต้องใช้ความชำนาญในการทำ สาวน "สีเพ้นต์ภาพ" ก็ใช้ได้ แต่จะมีราคาแพงหน่อย ซึ่งคนที่ฝึกทำใหม่ ๆ สามารถใช้ "สีอะคริลิก" ไปก่อนได้ แต่สีอะคริลิกจะซีดเร็วสีไม่สด



ขั้นตอนการทำ "รองเท้าเพ้นต์"
เริ่มจากการนำรองเท้าที่ต้องการจะเพ้นต์ลวดลายมาทำการลงสีขาวเพื่อเป็นการรองพื้น จากนั้นก็นำไปผึ่งไว้ให้สีแห้ง ถ้าไม่มีการรองพื้นโดยลงสีที่ต้องการเลยจะทำให้เนื้อสีจมลงเนื้อผ้าที่ใช้เป็นวัสดุทำรองเท้า ทำให้สีไม่สด และเปลืองสีด้วย
จากนั้นก็มาทำการเลือกแบบที่ต้องการ เมื่อได้แบบที่ต้องการก็นำไปเพ้นต์ลงบนรองเท้าที่รองพื้นไว้ได้เลย แต้สำหรับผู้ที่เริ่มหัดทำใหม่ ๆ ยังไม่ชำนาญ ก็ให้นำกระดาษไปวางทาบรองเท้าแล้วตัดเป็นแพทเทริ์น จากนั้นก็นำแบบที่ต้องการวาดลงบนแพทเทริ์น แล้วก็นำไปลอกลายลงบนรองเท้า
เมื่อทำการลอกแบบเสร็จก็ทำการลงสีตามที่ต้องการ โดยการลงสีนั้นต้องลงจากสีอ่อน แล้วไล่ไปสีเข้ม และการลงสีแต่ละสีก็ต้องรอให้สีแรกแห้งเสียก่อนถึงจะลงสีต่อไปได้ เมื่อลงสีเรียบร้อยก็ปล่อยทิ้งไว้ให้สีแห้งสนิท เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ปัญหา : เปิดคอมพิวเตอร์ไม่ได้
สาเหตุ : ไม่ได้ต่อคอมพิวเตอร์ลงเต้าเสียบที่ด้านหลัง,คอมพิวเตอร์อาจอยูในโหมด Sleep
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าสายไฟนั้นเสียบอยู่ที่เต้าเสียบไปบนฝาผนัง และไฟ AC บนฝาผนังที่ลงสายกราวนด์ของคอมพิวเตอร์อย่างแน่นหนา,ตรวจสอบว่าปุ่ม เปิดเครื่องด่วน นั้นสว่างอยู่ และมีไฟสีเหลืองอำพัน ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้กดปุ่มดังกล่าวเพื่อออกจากโหมด Sleep ฮาร์ดดิสก์

ปัญหา : ข้อความแสดงการผิดพลาดเกี่ยวกับดิสก์ที่ไม่สามารถบูตได้
สาเหตุ : คอมพิวเตอร์พยายามเริ่มระบบจากดิสเก็ตต์ที่ไม่มีซอฟต์แวร์ สำหรับเริ่มระบบ
การแก้ปัญหา : นำแผ่นดิสเก็ตต์ออกจากไดรฟ์เมื่อไฟแสดงสถานะบนไดรฟ์ดับ แลว้ทำต่อๆ ไป โดยการกดคีย์ใด ๆ บนแป้นพิมพ์

ปัญหา : การทำงานของฮาร์ดไดรฟ์ช้าลง
สาเหตุ : ไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ อาจอยู่กระจัดกระจาย
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบส่วนของข้อมูลที่หายไปโดยการรันโปรแกรม Disk Defragmenter เพื่อที่จะรันโปรแกรม Disk Defragmenter จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ ให้ คลิกที่ปุ่ม Start แล้วชี้ไปที่ Programs จากนั้นชี้ไปที่ Accessories และชี้ไปที่ System Tools ท้ายสุดให้คลิกที่ Disk Defragmenter

ปัญหา : ไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดไดรฟ์สว่างแต่ไม่กระพริบ
สาเหตุ : ไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ของคุณ อาจจะเสียหาย
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบส่วนของข้อมูลที่หายไปโดยการรันโปรแกรม Disk Defragmenter และเพื่อที่จะรันโปรแกรม Disk Defragmenter6 จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ ให้คลิกที่ปุ่ม Start แล้วชี้ไปที่ Programs จากนั้นชี้ไปที่ Accessories และชี้ไปที่ System Tools ท้ายสุดให้คลิกที่ Disk Defragmenter ซีดีรอม

ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่สามารถอ่านแผ่นซีดีได้
สาเหตุ : ไม่ได้วางซีดีในไดรฟ์ในตำแหน่งที่ถูกต้อง,ระบบไม่รู้จักซีดีไดรฟ์,ใส่แผ่นซีดีกลับข้าง,แผ่นซีดีสกปรก
การแก้ปัญหา : ถ้าคุณมีซีดีไดรฟ์แบบโหลดด้วยถาด ให้กดปุ่มนำแผ่นซีดีออก แล้วค่อย ๆ กดแผ่นซีดีลงในตำแหน่ง ที่เหมาะสมจากนั้นโหลดแผ่นเข้าไปใหม่,ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วคอยอย่างน้อย 30 วินาที จากนั้นเปิดคอมพิวเตอร์ ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ปัญหา: คอมพิวเตอร์ไม่รู้จักอุปกรณ์ใหม่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์
สาเหตุ : ไม่ได้ตั้งค่าคอนฟิกคอมพิวเตอร์ของคุณหลังจากติดตั้งอุปกรณ์ใหม่
การแก้ปัญหา : ถ้าเป็นอุปกรณ์แบบพลักแอนด์เฟลย์ วินโดวส์จะรู้จักอุปกรณ์นั้นและตั้งค่า คอนฟิกให้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ใช่พลักแอนด์ใ ห้อ่านเอกสารที่มาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าคอนฟิก

ปัญหา : จอภาพร้อนเกินไป
สาเหตุ : พื้นที่สำหรับระบายอากาศไม่เพียงพอให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
การแก้ปัญหา : เว้นพื้นที่ให้มีข้องระบายอากาศอย่างน้อย 3 นิ้ว (7.6 ซม.) ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มี อะไรปิดอยู่ด้านบนของจอภาพที่ขัดขวางการหมุนเวียนของอากาศ เมาส์

ปัญหา : หน่วยความจำไม่เพียงพอที่จะรันโปรแกรม
สาเหตุ : หน่วยความจำไม่ได้รับการตั้งค่าคอนฟิกอย่างเหมาะสมสำหรับโปรแกรม
การแก้ปัญหา : โปรแกรมจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำจำนวนหนึ่งในการรัน ปิดโปรแกรม ใด ๆ ที่กำลังใช้อยู่เพื่อที่จะดูว่าโปรแกรมดังกล่าวจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำเท่าใด ให้อ่าน เอกสารที่มาพร้อมกับโปรแกรมนั้น

ปัญหา : คอมพิวเตอร์แสดงข้อความว่า out of memory
สาเหตุ : ค่าคอนฟิเกอเรชันของหน่วยความจำตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง , หน่วยความจำไม่พอในการรัน
การแก้ปัญหา : ปิดโปรแกรมที่คุณกำลังใช้อยู่ อ่านเอกสารที่มาพร้อมกับโปรแกรมเพื่อดูข้อกำหนดเกี่ยวกับหน่วยความจำ คุณอาจต้องซื้อและติดตั้งหน่วยความจำเพิ่มเติม

ปัญหา : คอมพิวเตอร์แสดงข้อความว่า Insufficient memory
สาเหตุ : หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์เหลือไม่เพียงพอที่จะรัน โปรแกรม
การแก้ปัญหา :โปรแกรมบางอย่างจะแอกทีฟอยู่ในแบ็กกราวนด์เมื่อเราเปิดขึ้นมา โปรแกรมเหล่านี้ใช้หน่วยความจำบางส่วนถึงแม้ว่าจะรันอยูในแบ็กกราวด์ก็ตาม แฟกซ์/โมเดม

ปัญหา : แฟกซ์/โมเด็มไม่ตอบสนองต่อซอฟต์แวร์แฟกซ์/โมเด็ม
สาเหตุ : ไม่ได้ต่อแฟกซ์/โมเด็มอยู่อย่างเหมาะสม
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ต่อแฟกซ์/โมเด็มไว้อย่างแน่นหนา และสายโทรศัพท์ เสียบอยู่ที่เต้าเสียบที่ฝาผนังอย่างแน่นหนา

ปัญหา : ไม่มีเสียงสัญญาณดังขึ้นขณะที่ต่อโมเด็มอยู่
สาเหตุ : คอมพิวเตอร์ใช้โมเด็ม K56flex
การแก้ปัญหา : ถ้าคุณมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคอมแพครุ่นเพรสซาริโอ 4500 ที่มาพร้อมกับ โมเด็ม K56flex คุณจะไม่ได้ยินสัญญาณใด ๆ ในขณะที่ กำลังเชื่อมต่อโมเด็มข้อมูลเกี่ยวกับ ไวรัสของคอมพิวเตอร์ ระบบเสียง

ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่มีเสียง
สาเหตุ : มีการปิดระบบเสียง
การแก้ปัญหา : คลิกที่ไอคอน Speaker บนทาสก์บาร์ของวินโดวส์ เมื่อบ็อกซ์ควบคุมระดับเสียง ปรากฏตรวจดูให้แน่ใจว่าเช็คบ็อกซ์ Mute ไม่มีเครื่องหมายใดอยู่มีการลดระดับเสียงให้เบาเพิ่ม ระดับเสียงโดยการกดปุ่มเพิ่มระดับเสียง (+)ที่ด้านหน้าของคอมพิวเตอร์ลำ โพงไม่ได้รับการ เชื่อมต่ออย่าง ตรวจดูให้แน่ในว่าลำโพงเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แน่นหนาหรือไม่ ไวรัส

"ไวรัสของคอมพิวเตอร์" เป็นรหัสคำสั่งการของซอฟต์แวร์ที่ทำความเสียหายหรือลบข้อมูล ไฟล์ หรือซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะติดไวรัสเมื่อใส่ซอฟต์แวร์หรือไฟล์ที่มีไวรัสลงไปในคอมพิวเตอร์ ดิสเกตต์จากเพื่อน หรือที่ได้มาจากการติดต่อธุรกิจมักจะเป็นแหล่งกำเนิดไวรัส อาการที่บ่งบอกว่าคอมพิวเตอร์ของคุณติดไวรัสมีดังนี้
1. มีตัวอักษรแปลก ๆ หรือข้อความหยาบ ๆ ปรากฎอยู่บนหน้าจอ
2. มีข้อความแสดงการผิดพลาดของฮาร์ดไดรฟ์ หน่วยความจำ หรือซอฟต์แวร์
3. ไฟล์และไดเรคทอรีเกิดความเสียหาย


บริการออนไลน์เชิงพาณิชย์และผู้ผลิตซอฟต์แวร์จะตรวจจับไวรัสอย่างเข้มงวด และมักจะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีใดที่แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ มีบริษัทมากมายที่จำหน่ายซอฟต์แวร์ค้นหาและป้องกันไวรัส คุณควรจะมีเวอร์ชันล่าสุดของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์เหล่านี้ได้รับการอัปเดตอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากผู้สร้างและเผยแพร่ไวรัส ซึ่งถือเป็นผู้ที่ทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศจะอัปเดตโปรแกรมไวรัสอยู่เป็นประจำด้วยเช่นกัน ให้ถามหาซอฟต์แวร์ค้นหาและป้องกันไวรัสล่าสุดจากร้านค้าคอมพิวเตอร์ใกล้บ้านของคุณอาการเสียของคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายสาเหตุ สามารถวิเคราะห์อาการเสียเบื้องต้นได้ดังนี้อาการ บูตเครื่องขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างไม่ทำงานและเงียบสนิท ให้ตรวจสอบที่พัดลมด้านท้ายเครื่องว่าหมุนหรือไม่ หากไม่หมุนอาจเป็นไปได้ว่าปลั๊กไฟเสีย หรืออาจขาดใน และให้เข้าไปเช็คที่ฟิวส์ของเพาเวอร์ซัพพลาย หากฟิวส์ขาดให้ซื้อฟิวส์รุ่นเดียวกันมาเปลี่ยน แต่ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายเสีย ควรแนะนำลูกค้าให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายใหม่


ชื่อจริง : นายคีตะกานต์ มหาคีตะ

ชื่อเล่น : กิ๊ฟ

รหัสน.ศ. : 49043494115

ชั้นปี : ปริญญาตรีชั้นปีที่ 4

คณะ/เอก : วิทยาการจัดการ/คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

ศึกษา : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

About this blog

ขอต้อนรับสู่ SleEpingfOrest

เพื่อนที่น่ารัก

ค้นหาบล็อกนี้